ไทย-มาเลเซียฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสุไหงโก-ลก-รันเตาปัน: การเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการค้าชายแดน

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายโลกิ ซิว ฟุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย โดยมุ่งเน้นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง และการเร่งรัดการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนทั้งด้านสินค้าและผู้โดยสาร

การหารือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองประเทศในการกระชับความสัมพันธ์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกันอย่างบูรณาการและยั่งยืน

ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพิจารณาในการหารือครั้งนี้ ประกอบด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงทางถนนและทางราง การอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการสนับสนุนและยกระดับการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การขนส่งทางถนน: เร่งรัดการลงนาม MOU

นายสุริยะ กล่าวว่า ในส่วนของการขนส่งทางถนน ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะเร่งรัดการพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับสำคัญ ได้แก่

ฉบับแรก คือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Goods between Thailand and Malaysia: CBTG) ซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ

ฉบับที่สอง คือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Passengers between Thailand and Malaysia: CBTP) ซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างสองประเทศ

ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะเร่งดำเนินการเจรจาให้แล้วเสร็จและสามารถลงนามบันทึกความเข้าใจทั้งสองฉบับได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการขนส่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตขับรถในรูปแบบดิจิทัลผ่านกลไกความร่วมมือในระดับอาเซียน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางข้ามพรมแดนด้วย

การขนส่งทางราง: ฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง

สำหรับการขนส่งทางราง นายสุริยะกล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ได้มีการหารือร่วมกันคือการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าชายแดน โดยท่านได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ดำเนินการร่วมกันพิจารณาถึงกระบวนการและแผนการเปิดให้บริการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม

การฟื้นฟูเส้นทางรถไฟดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาระบบรางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย (East Coast Rail Link: ECRL) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของมาเลเซียที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2569 การเชื่อมต่อนี้จะช่วยยกระดับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางรางระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการดำเนินการพิธีการศุลกากรเพียงครั้งเดียว ณ จุดขาเข้า (Single Stop Inspection: SSI) เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการตรวจสอบสินค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ

นายสุริยะได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านศุลกากรของมาเลเซีย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

การเปิดให้บริการรถไฟกรุงเทพฯ – ปาดังเบซาร์ – บัตเตอร์เวิร์ธ

ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความยินดีต่อการกลับมาให้บริการของรถไฟในเส้นทางกรุงเทพฯ (สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) – ปาดังเบซาร์ – บัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 การกลับมาให้บริการของรถไฟในเส้นทางดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย อันจะส่งผลดีต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ

โครงการ Perlis Inland Port (PIP)

ในระหว่างการหารือ นายโลกิ ซิว ฟุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ Perlis Inland Port (PIP) ซึ่งเป็นโครงการท่าเรือบกที่ตั้งอยู่ห่างจากด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ประมาณ 5 กิโลเมตร ว่าในขณะนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในระยะที่ 1 ได้ภายในปี 2568

การพัฒนาโครงการ PIP มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบรรเทาความแออัดของการขนส่งสินค้าและการจัดการด้านโลจิสติกส์จาก Padang Besar Container Terminal (PBCT) ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

นายสุริยะกล่าวทิ้งท้ายว่า การหารือร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคต ซึ่งเชื่อมั่นว่าการหารือครั้งนี้จะนำไปสู่ความก้าวหน้าในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย รวมถึงในระดับภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การพัฒนาความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและมาเลเซีย จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน ส่งเสริมการค้าการลงทุน ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว